ส้มโอ
ส้ม เป็นหนึ่งในผลไม้ที่ให้วิตามินซีได้สูง ซึ่งวิตามินซีจะช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมและรักษาตัวเองได้เร็วขึ้น ต่อต้านการอักเสบ ลดความมัน เร่งกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกได้ง่ายมากขึ้น ยับยั้งการสร้างเมลานิน ช่วยทำให้ผิวดูขาวกระจ่างใส หน้าใส ไร้สิวได้อีกด้วย หน้าใสไร้สิว
และส้มโอก็ถือเป็นหนึ่งในผลไม้ตระกูลส้มที่มีวิตามินซีสูงที่สุด แถมยังมีไลโคปีน ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ คอยช่วยดูแลผิวในการป้องกันเซลล์ไม่ให้ถูกทำร้ายจากรังสียูวีและมลพิษต่างๆ และโดยเฉพาะในส้มโอทับทิมสยาม (Naringin) ที่เป็นหนึ่งในสารสกัดอันทรงคุณค่าจากที่มาพร้อมนวัตกรรม IndiGlow White Loc Complex™ มีส่วนช่วยปรับผิวให้สว่าง กระจ่างใส ออกฤทธิ์ต้านการจับอนุมูลอิสระ ลดเลือนรอยดำ รอยแดง ฝ้า กระ และรอยแผลเป็นจากสิว ตอบโจทย์ทุกการดูแลผิวในชั่วโมงอันเร่งรีบ ช่วยปกป้องฟื้นฟูยาวนานตลอดทั้งวัน ล็อคความกระจ่างใส และยังอ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว แม้ปราศจาก Paraben น้ำหอม พร้อมปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ด้วยค่า SPF 30 PA++++ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่ช่วยขจัดความหมองคล้ำ ลดการอักเสบของสิว รอยแดงจากสิวให้หายไวขึ้น เพียงแต่ว่าต้องเลือกสีแอปเปิ้ลให้ตรงกับการดูแลด้วย เพราะสีแต่ละสีของแอปเปิ้ลก็ให้สารอาหารและสรรพคุณที่ต่างกัน อย่างสีแดงมีสูงช่วยชะลอริ้วรอย คล้ายกับสีเขียวที่มีคอลลาเจนและอีลาสตินช่วยให้ผิวแข็งแรง ในขณะที่สีชมพูช่วยลดฝ้า และลดการอักเสบของสิวได้เหมาะสำหรับการรักษาสิวโดยเฉพาะ ช่วยให้หน้าใส ไร้สิวได้ในตัวเดียว หากจะนำแอปเปิ้ลมาบำรุงผิวนั้น วิธีการก็ไม่ยุ่งยากแค่นำแอปเปิ้ล 1 ลูกปั่นละเอียดผสมน้ำมะนาว มาส์กให้ทั่วใบหน้า 5–10 นาที แล้วจัดการล้างออกด้วยน้ำเย็น สูตรนี้สามารถนำมาได้ทุกอาทิตย์
มะเขือเทศ
ราชินีแห่งผักและผลไม้ ซึ่งถ้าหากจะให้แนะนำอาหารเพื่อบำรุงผิวให้หน้าใส ไร้สิว ก็คงจะขาดมะเขือเทศไปไม่ได้ เพราะในมะเขือเทศนั้นอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนและไลโคปีน ที่เป็นทั้งสารต้านมะเร็งและสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยม ช่วยป้องกันผิวไม่ให้ผิวเกิดความหย่อนคล้อยจากแสงแดด ซึ่งมีการศึกษาว่าหากทานมะเขือเทศแบบผ่านการปรุงด้วยความร้อนจะทำให้ร่างกายรับสารไลโคปีนได้ดียิ่งขึ้น แต่การทานมะเขือเทศแบบสดๆ ติดต่อกันอย่างน้อย 1 เดือนไม่ว่าจะกินแบบลูกหรือเป็นแบบน้ำนั้น จะให้ผลลัพธ์เป็นผิวที่ขาว กระจ่างใส เนียนสวย ลดสิว การไหลเวียนเลือดดีขึ้นอีกด้วย
แต่ทั้งนี้ก็มีข้อแนะนำว่าไม่ควรดื่มน้ำมะเขือเทศเกินวันละ 2 แก้ว เพราะถ้าแม้ว่าจะดีต่อผิวแต่ก็เสี่ยงต่อการตกค้างจนเกิดเป็นนิ่วได้เช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น