Filler ต่างกันยังไง?
5 เทคโนโลยีจากบริษัทยาชั้นนำที่ทำให้ fiiler แต่ละยี่ห้อมีความแตกต่าง
- NASHA: Restylane, Lyft, and Silk
เทคโนโลยี HA filler แรกๆที่ถูกปล่อยออกมาในปี 2003 ให้ความรู้สึกเหมือนวุ้นก้อนชนิดหนึ่ง ซึ่ง filler ตัวนี้มีแรงอุ้มมหาศาลในขณะที่มีโมเลกุลค่อนข้างเล็ก ทำให้หลังฉีดมีความรู้สึกนิ่มไม่แข็งมาก รับสมัครแพทย์ลงเวร
2. Hylacross: Juvederm Ultra and Ultra Plus
Hylacross เป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ Juvederm หลักการคือทำให้ก้อนเยลลี่จากข้อ1 รวมกันเป็นเนื้อเดียวกัน จึงทำให้ควบคุมความนิ่มของ filler ได้อย่างอิสระ แต่ก็ยังไม่คงทนมาก
3. Vycross: Juvederm Voluma, Vollure and Volbella
เทคโนโลยีล่าสุดจาก Juvederm ทำให้รวมเนื้อเจล filler ได้หลากหลายขนาดโมเลกุล filler ตัวนี้ต่างจากข้อ2 ตรงที่ฟิลเลอร์มีโมเลกุลหลายขนาดที่เติมเต็มช่องว่างได้ดียิ่งขึ้น ทำให้อยู่ได้นานกว่า Hylacross ไม่บวมหลังฉีดและให้สัมผัสที่นิ่มกว่า สามารถเติมบริเวณที่ sensitive เช่นใต้ตาได้
4. Optimal Balance Technology (OBT): Restylane Defyne and Refyne
เทคโนโลยีตัวนี้คล้าย Hylacross แต่เหนือกว่าตรงที่สามารถรวมโมเลกุลหลายขนาดของ filler ได้ และยังสามารถปรับเปลี่ยนแรงดึงระหว่างโมเลกุลของ filler ได้อย่างอิสระ ทำให้แรงยกตัวหลังฉีดสามารถเปลี่ยนได้ตามสภาพผิวหนัง
5. Dynamic Cross Linking Technology (DCLT): Belotero Balance
เทคโนโลยีนี้ค่อนข้างต่างจาก Juvederm และ restylane DCLT เชื่อมโมเลกุล filler แบบหลวมๆ จากนั้นจะเข้าไปขยายโมเลกุลนี้ ทำให้เพิ่มตัวเชื่อมจำนวนมากกว่าเดิม ทำให้ filler จาก belotero ยืดหยุ่นได้ดีและนิ่มเป็นพิเศษ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น