วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

การเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ

 


การเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเป็นการตัดสินใจที่สำคัญ เนื่องจากมีผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุและครอบครัวโดยตรง ดังนั้น คุณอาจพิจารณาข้อดีต่อไปนี้เพื่อให้การเลือกเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่เหมาะสม:

  1. สถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวก: เลือกศูนย์ดูแลที่ตั้งอยู่ใกล้บ้านหรือสถานที่ที่คุณสามารถเข้าถึงได้ง่าย เช่น สถานที่ที่มีที่จอดรถสะดวก การเดินทางสาธารณะ หรือการเดินเท้า
  2. คุณภาพของบริการ: ทำการสำรวจและศึกษาเกี่ยวกับคุณภาพของบริการที่ศูนย์ดูแลให้ ดูว่ามีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์พอเพียงหรือไม่ รวมถึงการให้บริการทางการแพทย์ การดูแลสุขภาพ และกิจกรรมสร้างสรรค์
  3. ความเหมาะสมกับความต้องการ: พิจารณาว่าศูนย์ดูแลมีการให้บริการที่เหมาะสมกับความต้องการและสิ่งที่ผู้สูงอายุต้องการจริงๆ ตรวจสอบว่ามีโปรแกรมกิจกรรมที่เหมาะสม การดูแลสุขภาพ และการให้ความช่วยเหลือในกิจวัตรประจำวันตามความต้องการของผู้สูงอายุ
  4. ความเชื่อถือได้และการรับรอง: หากเป็นไปได้ ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับความเชื่อถือได้ของศูนย์ดูแล รวมถึงการรับรองจากองค์กรหรือองค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น การได้รับการรับรองจากองค์กรด้านสุขภาพหรือการศึกษา
  5. ความสะดวกสบายในการจัดการเรื่องการเงิน: พิจารณาค่าใช้จ่ายและวิธีการจ่ายเงินที่สะดวกและเหมาะสมกับสภาพการเงินของครอบครัว คำนึงถึงราคาและบริการที่คุณจะได้รับเทียบกับความสำคัญของบริการที่ให้มากกว่าเพื่อให้ได้เลือกศูนย์ดูแลที่เหมาะสมที่สุด
  6. รีวิวและข้อมูลจากผู้ใช้บริการก่อนหน้า: ค้นหาความคิดเห็นและรีวิวจากผู้ใช้บริการก่อนหน้า เพื่อเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับประสบการณ์จริงที่ศูนย์ดูแลนั้นให้





ประโยชน์ของเครื่องหมาย อย.

 


  1. ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค
  2. ช่วยส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ และรู้เท่าทันผลิตภัณฑ์
  3. ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบแหล่งที่มา สถานที่และหน่วยงานที่ทำการผลิตหรือเลขจดแจ้งได้
  4. ผู้บริโภคสามารถรับสิทธิ์คุ้มครองจากคณะกรรมการอาหารและยา หากเกิดอันตรายจากผลิตภัณฑ์ที่มี อย.
  5. มีส่วนสำคัญสำหรับผู้ประกอบการเอง เพราะจะทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ และยังทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น รับจด อย วัตถุอันตราย

 

เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราได้หยิบยกมา จะเห็นได้ว่าเครื่องหมายอย. นั้นมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ประกอบการเอง และตัวผู้บริโภค หากผลิตภัณฑ์ของคุณได้รับการขึ้นทะเบียนก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้ และในส่วนของผู้บริโภคนั้น เราควรที่จะรู้เท่าทันตัวผลิตภัณฑ์เพื่อป้องกันอันตรายจากผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ [:en]หลายๆคนคงเคยเห็นเครื่องหมาย อย. ผ่านตากันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะอยู่บนเครื่องดื่ม ซองขนม ผลิตภัณฑ์ที่กินและใช้ สงสัยกันล่ะสิว่าเครื่องหมาย อย. นั้นคืออะไร มีประโยชน์อย่างไรกับสินค้าของเรา วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเครื่องหมายนี้ ก่อนอื่นเราต้องรู้จักก่อนว่า อย. นั้นคืออะไร ไปดูกัน!

 

อย. คืออะไร

อย. ย่อมาจาก “สำนักงานอาหารและยา” (Food and Drug Administration) เป็นส่วนราชการในระดับกรม ของประเทศไทย สังกัดกระทรวงสาธารณสุข มีบทบาทสำคัญในการปกป้อง คุ้มครองสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชนจากการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพ ซึ่งผลิตภัณฑ์สุขภาพส่วนใหญ่มักจะหมายถึง อาหาร ยา เวชภัณฑ์ และเครื่องสำอาง

 

เครื่องหมาย อย. คือ

เครื่องหมายที่ได้รับการขึ้นทะเบียน โดยผ่านการพิจารณาในด้านประสิทธิภาพ คุณภาพ และความปลอดภัย ที่ได้รับอนุญาตให้ผลิตหรือจำหน่าย ตรงตามมาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (รู้จักกับตำแหน่งเครื่องหมาย อย.)

 

  • ผลิตภัณฑ์ที่ต้องมีและไม่ต้องมีเครื่องหมาย อย.
  • ตำแหน่งเลข อย./เลขที่จดแจ้ง คืออะไร และ บอกอะไรกับเรา ?

 

ประโยชน์ของเครื่องหมาย อย.

  1. ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค
  2. ช่วยส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ และรู้เท่าทันผลิตภัณฑ์
  3. ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบแหล่งที่มา สถานที่และหน่วยงานที่ทำการผลิตหรือเลขจดแจ้งได้
  4. ผู้บริโภคสามารถรับสิทธิ์คุ้มครองจากคณะกรรมการอาหารและยา หากเกิดอันตรายจากผลิตภัณฑ์ที่มี อย.
  5. มีส่วนสำคัญสำหรับผู้ประกอบการเอง เพราะจะทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ และยังทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น



เทคนิคการจัดการกับโต๊ะกินข้าวให้เกิดประโยชน์สูงสุด

 


เทคนิคการจัดการกับโต๊ะกินข้าวให้เกิดประโยชน์สูงสุด

หลังจากได้รู้เรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับโต๊ะกินข้าวกันไปแล้วพอสมควร อีกหนึ่งเรื่องที่มีประโยชน์ต่อผู้ที่กำลังมองหาโต๊ะสำหรับกินข้าวมาไว้ภายในบ้าน คือการจัดการให้สามารถใช้ประโยชน์โต๊ะได้สูงที่สุด ต่อจากนี้เราจะมีเทคนิคดี ๆ ที่ช่วยทำให้คุณใช้งานโต๊ะกินข้าวได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

1. ของตกแต่งดี ๆ ช่วยทำให้บรรยากาศการทานอาหารดียิ่งขึ้น

โต๊ะกินข้าวแบบเรียบ ๆ เองก็สามารถใช้ประโยชน์ได้ดี แต่ถ้ามีสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่น แจกัน เชิงเทียน หรือ ผ้าคลุมโต๊ะสวย ๆ ก็น่าจะเพิ่มบรรยากาศของการทานอาหารได้เป็นอย่างดี สังเกตได้จากร้านอาหารหรู ๆ ที่ส่วนมากจะมาพร้อมกับของโต๊ะแต่งสวย ๆ ที่ยกระดับการทานอาหารให้เลิศหรูมากยิ่งขึ้น ซึ่งคุณก็สามารถทำให้การกินข้าวที่บ้านมีบรรยากาศดีเหมือนอยู่ในร้านอาหารได้เช่นกัน เพียงมองหาของตกแต่งดี ๆ สักชิ้นสองชิ้น

2. อย่ามองข้ามเรื่องของความ MIX & MATCH

ถึงโต๊ะกินข้าวจะเป็นสิ่งของที่เน้นใช้งาน แต่ก็อย่าลืมนึกถึงเรื่องของการ MIX & MATCH เข้าชุดกันระหว่างเฟอร์นิเจอร์ กับสิ่งของรอบ ๆ ตัวอีกด้วย โดยเฉพาะเก้าอี้สำหรับทานอาหาร ซึ่งควรจะเป็นชุดเดียวกันที่มีโทนสี วัสดุที่เข้ากันได้ รวมไปถึงสีของบ้าน และ แนวทางการตกแต่ง ก็ควรเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าทำได้รับประกันเลยว่าบ้านของคุณน่าอยู่มากขึ้นแน่นอน

3. ความสะอาดสำคัญมาเป็นอันดับ 1

เนื่องจากโต๊ะกินข้าวจะต้องมีการใช้งานในทุก ๆ วัน และ คราบอาหารมักจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ ต้องอย่าลืมดูแลทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ การยกจานชามไปเก็บอาจยังไม่เพียงพอ อาจจะต้องทำความสะอาดเชิงลึก อย่างเช่นการเช็ดคราบสกปรกต่าง ๆ ในทันที เพราะถ้าทิ้งเอาไว้จะกลายเป็นคราบฝังแน่น เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ และ อาจทำให้โต๊ะเหนียวเหนอะหนะ ถ้าเกิดปัญหาเหล่านี้ จะทำให้เสียบรรยากาศบนโต๊ะอาหารไปในทันที

สุดท้ายนี้หากคุณอยากเพิ่มบรรยากาศในการทานอาหาร ไม่ว่าคุณจะอยู่กับครอบครัวหรือไม่ อย่างไรเสีย โต๊ะกินข้าวก็เป็นสิ่งที่คุณจะต้องใช้ในทุก ๆ วัน เนื่องจากการนำอาหารไปทานบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ หรือ โต๊ะทำงาน นอกจากจะทำให้เป็นที่สะสมของแบคทีเรีย เศษอาหารยังเป็นสิ่งที่เรียกให้เหล่าแมลงเข้ามารบกวนในบริเวณนั้นอีกด้วย การเลือกซื้อโต๊ะอาหารดี ๆ ช่วยให้คุณไม่จำเป็นต้องคอยรับมือกับแมลงรบกวนเหล่านั้น สำหรับผู้ที่สนใจอยากได้โต๊ะดี ๆ สักตัว สามารถเลือกได้ที่นี่ https://www.harvbrand.com/table-desk/ HARV เราจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ปาร์ติเกิลเกรดพรีเมียม ราคาถูก คุณภาพดี แถมยังมีการรับประกันสินค้าอีกด้วย หากสนใจติดต่อได้เลยที่ LINE : @harvbrand



วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2567

ยกหางตา โดยเทคนิค Subbrow Lift ซ่อนแผลใต้คิ้ว

 

ยกหางตา Subrow Lift คืออะไร?

ยกหางตา คือกระบวนการทางการแพทย์ที่ใช้เพื่อปรับปรุงรูปร่างของหนังตาโดยเฉพาะ โดยการลดการสะสมของไขมันที่เกิดขึ้นใต้หนังตาและรอบดวงตา ศัลยกรรมนี้สามารถช่วยลดการหย่อนคล้อยของหางตาให้ผลลัพธ์ที่ดูดีและสมส่วนมากขึ้น การศัลยกรรมยกหางตาสามารถทำได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงหากมีอาการหางตาตก โดยการทำศัลยกรรมนี้จะช่วยให้รูปร่างของดวงตาดูสวยงามและเยาว์วัยมากขึ้นให้เข้ากับลักษณะของใบหน้าโดยรวม

ยกหางตาซ่อนแผลใต้คิ้ว less scar technique

ในกระบวนการผ่าตัดsubbrow ilft ยกหางตา ที่เฟิร์น คลินิก จะใช้เทคนิคพิเศษในการผ่าตัดเย็บแผล นั้นก็คือเทคนิค ยกหางตาซ่อนแผลใต้คิ้ว less scar technique แพทย์จะทำเครื่องหมายบนผิวหนังเพื่อกำหนดขอบเขตที่จะทำการตัด จากนั้นจะใช้เครื่องมือทำการตัดผิวหนังหรือไขมันที่สะสมอยู่ออก และสุดท้ายก็ปิดแผลด้วยการเย็บแผลแบบซ้อนไหมใต้คิ้ว มักจะใช้เวลาไม่นานและมีการฟื้นตัวที่รวดเร็ว ผู้ที่ทำการศัลยกรรมนี้จะสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้เร็วทันใจโดยไม่มีปัญหาใด ๆ อาจมีบางรายที่มีบางอาการบวมหรือบางจุดอักเสบในช่วงระยะหลังการทำกระบวนการ แต่ส่วนใหญ่จะหายไปภายในไม่กี่วันหรือเพียงแค่สัปดาห์เดียว และผู้ที่ทำแล้วจะได้รับผลลัพธ์ที่ดูสมบูรณ์ แทบมองไม่เห็นรอยแผลผ่าตัด เรียบเนียนเป็นธรรมชาติ

ข้อดีของการยกหางตา

  • แก้หางตาตก หย่อนคล้อย ให้ตาดูโต สดใส
  • เสริมสร้างความมั่นใจ
  • ปรับความสมดุลของดวงตา ให้ดูเข้ากับใบหน้า
  • ช่วยให้ใบหน้าและดวงตาดูอ่อนเยาว์ขึ้น

ยกหางตาเหมาะกับใคร

ศัลยกรรมยกหางตาเหมาะสำหรับบุคคลที่มีปัญหาด้านดวงตาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการสะสมของไขมันหรือหนังตาที่มากเกินไป ซึ่งอาจทำให้ดวงตาดูบวมหรือหย่อนคล้อยตกลงมา บุคคลที่มีอาการเหล่านี้อาจรู้สึกไม่พอใจในลักษณะของดวงตาและต้องการปรับปรุงรูปร่างให้ดูสมสวยมากขึ้นหากอยากทราบว่าศัลยกรรมยกหางตาเหมาะสมกับตนเองหรือไม่ จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวหนังของแต่ละบุคคล และมีการประเมินจากแพทย์ผู้ชำนาญการด้านศัลยกรรมดวงตา ที่จะให้คำแนะนำและแนวทางการแก้ไขปัญหาให้เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย อีกทั้งยังต้องพิจารณาความพร้อมของผู้ป่วยต่อการทำศัลยกรรมรวมถึงความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วย

“Fern Clinic ออกแบบทุกความสวยอย่างประณีต”




ส่องกล้องทางเดินอาหาร ตรวจอะไรได้บ้าง

 


มะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colon cancer) เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 4 ของโลก และพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง การคัดกรองและตัดติ่งเนื้อลำไส้ใหญ่เพื่อตรวจโดยการส่องกล้องจึงเป็นอีกวิธีที่ช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่และการเสียชีวิตลดลงได้

ส่องกล้องทางเดินอาหาร จากข้อมูลของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ มะเร็งลำไส้ใหญ่ พบบ่อยในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง โดยอัตราการเกิดมะเร็งลำไส้ในผู้ชาย 16.2 ต่อประชากร 100,000 คน และในผู้หญิง 11.1 ต่อประชากร 100,000 คน โดยกว่า 90% มะเร็งลำไส้เป็นชนิด Adenocarcinoma ซึ่งเป็นผลจากเซลล์เยื่อบุในผนังลำไส้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดเป็นติ่งเนื้อเล็กๆ ที่เรียกว่า ติ่งเนื้อ หรือ โพลิบ (Polyp) ซึ่งติ่งเนื้อบางส่วนอาจโตขึ้นและพัฒนาจนกลายเป็นมะเร็งได้

ทั้งนี้ศูนย์โรคทางเดินอาหาร โรงพยาบาลไทยนครินทร์จึงมีคำแนะนำการตรวจคัดกรอง ข้อมูลการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ และวิธีสังเกตอาการเบื้องต้นด้วยตัวเอง เพราะมะเร็งลำไส้ใหญ่สามารถตรวจพบตั้งแต่ในระยะเริ่มแรก รักษาทันที สามารถเฝ้าระวังการกลับเป็นซ้ำของโรคได้

ปัจจัยเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่

ลำไส้ใหญ่ในร่างกายมนุษย์มีความยาว 1.5-1.8 เมตร โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ลำไส้ใหญ่ที่อยู่ในช่องท้อง (Colon) มีความยาว 1.5 เมตร และสำไส้ที่อยู่ในอุ้งเชิงกราน (Rectum) ยาว 15 เซนติเมตร ซึ่งปัจจัยเสี่ยงการเกิดมะเร็งมาจาก 2 ส่วนหลัก คือ ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม และปัจจัยจากตัวบุคคล

ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การรับประทานและผลิตภัณฑ์แปรรูปเนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะเป็น ไส้กรอก เบคอน กุนเชียง เป็นต้น ในปริมาณมากติดต่อกันเป็นเวลานาน รวมถึงการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกฮอล์ ภาวะไม่ได้ออกกำลังกาย โรคอ้วน และรับประทานผักผลไม้น้อย

ปัจจัยจากตัวบุคคล โดยพบว่าอัตราการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่จะเพิ่มสูงขึ้นในคนอายุมากกว่า 50 ปี ซึ่งมักพบในคนไข้ที่มีโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (Inflammatory bowel disease) ทั้ง Crohn disease และ Ulcerative colitis รวมถึงคนไข้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ มีประวัติเกี่ยวกับโรคถ่ายทอดทางพันธุกรรม และมีประวัติการเกิดติ่งเนื้อในลำไส้ (Personal history of Adenomatous polyp)

ระยะมะเร็งลำไส้ใหญ่

ระยะที่ 0 มะเร็งยังอยู่ในเยื่อบุลำไส้ (Intramucosal carcinoma)

ระยะที่ 1 มะเร็งผ่านเยื่อบุลำไส้ มายังชั้นใต้เยื่อบุลำไส้ (Submucosa) และชั้นกล้ามเนื้อ (Muscularis propria) ยังไม่มีทะลุเยื่อหุ้มลำไส้ใหญ่ส่วนนอก ไม่มีการแพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลือง

ระยะที่ 2 มะเร็งทะลุเข้ามาในชั้นกล้ามเนื้อของลำไส้และหรือทะลุถึงเยื่อหุ้มลำไส้ใหญ่ส่วนนอก ลุกลามเข้าเนื้อเยื่อหรืออวัยวะข้างเคียงแต่ไม่มีการแพร่กระจายไปที่ต่อมน้ำเหลือง

ระยะที่ 3 มะเร็งลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองข้างเคียง แต่ยังไม่ลุกลามไปอวัยวะอื่น

ระยะที่ 4 มะเร็งลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ไกลออกไป หรือลุกลามไปยังอวัยวะที่อยู่ไกลออกไป เช่น ตับ ปอด เป็นต้น

การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่

การผ่าตัด โดยแพทย์จัตีดลำไส้ส่วนที่เป็นมะเร็งและต่อมน้ำเหลืองออกไป กรณีมะเร็งลุกลามในลำไส้ใหญ่ส่วนปลายที่ติดกับทวารหนัก การผ่าตัดอาจมีความจำเป็นต้องทำทวารเทียมเพื่อเอาปลายลำไส้ส่วนที่เหลืออยู่เปิดออกทางหน้าท้องเป็นทางให้อุจจาระออก

รังสีรักษา เป็นการรักษาร่วมกับการผ่าตัด อาจฉายรังสีก่อนหรือหลังการผ่าตัด ซึ่งขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยและข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ กรณีลุกลามมีโอกาสแพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลือง การฉายรังสีรักษาใช้ระยะเวลาประมาณ 5-6 สัปดาห์ โดยฉายรังสีวันละ 1 ครั้ง ฉายติดต่อกัน 5 วันใน 1 สัปดาห์

เคมีบำบัด คือการให้ยาสารเคมี ซึ่งอาจให้ก่อนการผ่าตัดหรืออาจจะหลังผ่าตัดร่วมกับการฉายรังสีรักษา โดยผู้ป่วยบางรายอาจไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้ ซึ่งแพทย์จะพิจารณาจากความรุนแรงของมะเร็งแต่ละบุคคลต่างกัน



คุณรู้จัก ‘มะเร็งเต้านม’ ดีแค่ไหน?

 


มะเร็งเต้านม (Breast cancer) ยังคงเป็นโรคร้ายที่เกิดขึ้นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย และสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ช่วงวัยทำงานที่มีอายุน้อย ตั้งแต่ 24 ปีขึ้นไป ทั้งนี้อาการมะเร็งเต้านมในระยะแรกอาจไม่แสดงอย่างชัดเจน ต้องใช้การสังเกต สำรวจเต้านมของตัวเองเป็นหลัก โดยศูนย์โรคเต้านม โรงพยาบาลไทยนครินทร์ที่พร้อมด้วยแพทย์เฉพาะทางโรคเต้านมและทีมสหสาขาวิชาชีพมีคำแนะนำเกี่ยวกับการสังเกตอาการเริ่มต้น รวมไปถึงการตรวจมะเร็งเต้านม ตรวจคัดกรองด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยและเหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย

มะเร็งเต้านมเกิดจากอะไร? 

มะเร็งส่วนใหญ่เกิดจากการกลายพันธุ์แบบโซมาติก (Somatic mutation) เป็นการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นในภายหลังและมีโอกาสสูงขึ้นเมื่อบุคคลนั้นๆ มีอายุมากขึ้น เซลล์ที่กลายพันธุ์ไปจะมีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นก้อนเนื้องอกและมะเร็งในที่สุด ซึ่งการกลายพันธ์แบบโซมาติกจะไม่พบในทุกเซลล์ของร่างกายและไม่ส่งผ่านจากพ่อแม่สู่ลูก

ทั้งนี้การกลายพันธุ์ของเซลล์ตั้งแต่ในระยะเซลล์อสุจิหรือเซลล์ไข่ ส่งผ่านโดยตรงจากพ่อแม่ไปยังเด็กตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิ เรียกการกลายพันธุ์พันธุกรรมที่ถ่ายทอดนี้ว่า ‘พันธุกรรมมะเร็ง’ (Germline mutation) ในปัจจุบันพบว่าพันธุกรรมมะเร็งเต้านมที่ถ่ายทอดจากพ่อแม่สามารถตรวจพบในยีน (Gene) พบได้ประมาณ 5-10 % มียีนหลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งเต้านม แต่ที่พบบ่อยที่สุดคือ ยีน BRCA

สำหรับยีน BRCA มี 2 ชนิด ได้แก่ ยีน BRCA1 และยีน BRCA2 เป็นกลุ่มยีนที่ทำหน้าที่ควบคุมการเจริญของเซลล์ (Tumor Suppressor Gene) ในเซลล์ปกติ ยีน BRCA1 และยีน BRCA2 เป็นยีนปกติที่ช่วยซ่อมแซม DNA ที่เสียหาย ช่วยดำรงเสถียรภาพของสารพันธุกรรม และป้องกันการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเซลล์ เพื่อไม่ให้กลายพันธุ์เป็นมะเร็ง

ยีน BRCA พบทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยผู้หญิงที่มียีน BRCA1 หรือ BRCA2 ที่ผิดปกติจะเพิ่มโอกาสเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ โดยมักจะเป็นมะเร็งตั้งแต่อายุน้อย (ก่อนวัยหมดประจำเดือน) และมักจะมีญาติสายเลือดเดียวกันที่เป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งรังไข่หลายคน นอกจากมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่แล้ว

คนที่มียีน BRCA1 ที่ผิดปกติยังเพิ่มโอกาสเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปากมดลูก มะเร็งของเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ส่วนคนที่มียีน BRCA2 ที่ผิดปกติก็ยังเพิ่มโอกาสเสี่ยงของการเกิดมะเร็งตับอ่อน มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งของถุงน้ำดี มะเร็งของท่อน้ำดี และมะเร็งของเซลส์เม็ดสี (melanoma) สำหรับผู้ชายที่มียีน BRCA1 ที่ผิดปกติ ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งตับอ่อน มะเร็งของอัณฑะ และมะเร็งต่อมลูกหมากตั้งแต่อายุยังน้อย ส่วนผู้ชายที่มียีน BRCA2 มีความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งต่อมลูกหมาก

อย่างไรก็ตามสมาชิกในครอบครัวมากกว่าหนึ่งคนสามารถเป็นมะเร็งได้ 2 ชนิดในร่างกาย แต่ไม่ได้หมายความว่าสมาชิกทุกคนในครอบครัวดังกล่าวจะต้องมียีน BRCA ที่ผิดปกติ และหากเกิดมะเร็งขึ้นในครอบครัวก็ไม่จำเป็นจะต้องเกิดจากยีน BRCA ที่ผิดปกติเท่านั้น มะเร็งเต้านมเกิดได้จากปัจจัยเสี่ยงนอกจากพันธุกรรม

โดยชั่วชีวิตหนึ่งโอกาสที่จะเกิดเป็นโรคมะเร็งเต้านมในกลุ่มประชากรปกติมีประมาณ 12% (120 คนในประชากร 1,000 คน) แต่ในกลุ่มที่มีความผิดปกติของยีน BRCA1 หรือยีน BRCA2 จะมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมถึง 60% (600 คนในประชากร 1,000 คน) ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในกลุ่มนี้จะมีความเสี่ยงสูงกว่าประชากรปกติถึง 5 เท่า ส่วนโอกาสที่จะเกิดเป็นโรคมะเร็งรังไข่ในกลุ่มประชากรปกติมีประมาณ 1.4% (14 คนในประชากร 1,000 คน) เปรียบเทียบกับกลุ่มที่มีความผิดปกติของยีนจะมีโอกาสเป็นมะเร็งรังไข่เพิ่มเป็น 15-40% (150-400 คนในประชากร 1,000 คน)



วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2567

การเลือกคลินิกกายภาพบำบัดที่เหมาะสมสำหรับคุณ

 


การเลือกคลินิกกายภาพบำบัดที่เหมาะสมสำหรับคุณอาจมีการพิจารณาหลายปัจจัยต่าง ๆ เพื่อให้ได้คลินิกที่ตอบสนองต่อความต้องการและความสะดวกของคุณได้อย่างเหมาะสม นี่คือบางขั้นตอนที่สามารถช่วยในการเลือกคลินิก:

  1. ค้นหาคลินิกในพื้นที่ใกล้เคียง: ค้นหาคลินิกกายภาพบำบัดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง หรือ คลินิกกายภาพบำบัด ราคาไม่แพง โดยใช้เครื่องมือค้นหาออนไลน์หรือเว็บไซต์ที่เป็นที่รู้จัก
  2. ศึกษารีวิวและคะแนน: ศึกษารีวิวและคะแนนของคลินิกกายภาพบำบัดที่คุณสนใจ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้ใช้งานก่อนหน้า
  3. สอบถามคำแนะนำ: สอบถามคำแนะนำจากแพทย์ นักกายภาพบำบัด หรือบุคคลที่มีประสบการณ์ในการใช้บริการคลินิกกายภาพบำบัด
  4. ตรวจสอบประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ: ตรวจสอบประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของบุคลากรทางการแพทย์และนักกายภาพบำบัดที่คลินิก ควรเลือกคลินิกที่มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคหรือสภาวะที่คุณกำลังเผชิญอยู่
  5. สอบถามเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์: ตรวจสอบสิทธิประโยชน์ที่คุณมี เช่น การคุ้มครองจากประกันสุขภาพหรือการบริการทางการแพทย์ของรัฐบาล เพื่อดูว่าคุณมีสิทธิในการใช้บริการคลินิกกายภาพบำบัดในรูปแบบใดบ้าง
  6. ทดลองเข้ารับการบริการ: หากเป็นไปได้ คุณอาจต้องการทดลองเข้ารับการบริการที่คลินิกก่อนที่จะตัดสินใจเป็นอย่างแน่นอน นี่เป็นโอกาสที่ดีในการตรวจสอบคุณภาพของบริการและประทับใจของคุณต่อบรรยากาศที่คลินิก

การเลือกคลินิกกายภาพบำบัดที่เหมาะสมคือการตัดสินใจที่สำคัญ เนื่องจากมันสามารถมีผลต่อการฟื้นฟูและการรักษาสุขภาพของคุณในระยะยาว อย่าลืมพิจารณาความต้องการและความสะดวกของคุณเองในการเลือกคลินิกที่เหมาะสมที่สุด




ดร. ไฮจีน ร่วมภาครัฐ รับมือ PM 2.5

 


กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ได้ก่อตั้งขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 2561 โดยมีการลงทุนจากผู้ถือหุ้นชาวต่างชาติและคนไทยร่วมกัน กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ได้สร้างชื่อเสียงในวงการให้เป็นที่รู้จัก โดยมี Mr. Shubhodeep Das เป็นผู้บริหารงาน ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจในหลากหลายสาขา โดยเน้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การจัดการบริหารสินทรัพย์ และธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิตตามลำดับ

ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทมีทุนจดทะเบียนรวมกว่า 630 ล้านบาทและมีพนักงานมากกว่า 350 คนที่ร่วมกันเพื่อร่วมสร้างความเจริญเติบโตในธุรกิจของกลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ไปอีกขั้น


CSR จากสถานการณ์วิกฤติจากฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นปัญหาในภาคเหนือมาอย่างยาวนาน และเพิ่มความขึ้นแรงขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา โดยขณะนี้ ค่าฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐานอย่างหนักในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดเชียงใหม่,เชียงราย,แม่ฮ่องสอน,ลำปาง,ลำพูน,พะเยา และน่าน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในวงกว้าง

ไม่เพียงแค่ในภาคเหนือเท่านั้น ฝุ่น PR 2.5 ยังคงลุกลาม ไปยังจังหวัดอื่นๆ เช่นกัน โดยในพื้นที่กรุงเทพฯ มีถึง 47 เขต ที่มีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจ โดยพื้นที่สูงสุด 3 อันดับแรกอยู่ที่เขตดอนเมือง 143.5 ไมโครกรัม ตามด้วยเขตหลักสี่ 143 ไมโครกรัม.ต่อ ลบ.ม., และ เขตบางซื่อ 139 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. (อ้างอิงจาก กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง)

ด้วยตระหนักถึงคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นและห่างไกลจากโรคที่เกิดจากมลพิษทางอากาศและฝุ่น PR 2.5 ของคนในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดอื่นๆในภาคเหนือ ในปี พ.ศ .2563 บริษัท ดร.ไฮจีน   เมดิคอล โปรดักส์ จำกัด ได้รับการก่อตั้งขึ้นเพื่อผลิตและจัดจำหน่ายหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ KN95 ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการระดับนานาชาติรายแรกของภาคเหนือ ภายใต้การบริหารงานของกลุ่มบริษัท ไฮไลฟ์ กรุ๊ป

ตลอดระยะเวลาดำเนินการ ดร. ไฮจีน ได้รับการตอบรับที่ดีจากทุกภาคส่วนที่เลือกให้หน้ากาก KN 95 ที่ผลิตในประเทศไทยภายใต้แบรด์ “Dr. HYGIENE” เป็นส่วนสำคัญในการปกป้องสุขภาพของคนในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง และเมื่อเร็วๆนี้ ดร. ไฮจีน ได้รับความไว้วางใจจากกาครัฐ ดำเนินการสั่งผลิตหน้ากากอนามัยรวมกว่า 2.5 ล้านชิ้น เพื่อใช้ในภารกิจช่วยเหลือประชาชนให้ปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5 โดยได้มีพิธีแจกหน้ากากอนามัยให้แก่ตัวแทนภาคประชาชาชน ณ อาคาร ราชพฤกษ์ 1 อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่



วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2567

ดูแลผู้สูงอายุ ควรจ้างคนดูแลอย่างดีเพื่อตอบแทนท่าน

 


การเลือกที่จะจ้างคนดูแลผู้สูงอายุเป็นคำตอบที่ดีต่อบางคนขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความต้องการของครอบครัวแต่ละครอบครัว ดูแลผู้สูงอายุ ตามบ้าน แต่มีข้อดีหลายประการที่สามารถพิจารณาได้ เช่น:

  1. การให้บริการที่เป็นมืออาชีพ: คนดูแลที่มีความรู้และประสบการณ์ในการดูแลผู้สูงอายุมักจะมีทักษะที่เหมาะสมในการจัดการกับสถานการณ์ที่ต้องการความรอบคอบและการดูแลเฉพาะศัตรู
  2. การจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินได้: คนดูแลมักจะมีความรู้และทักษะในการจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ เช่น การดูแลเมื่อเกิดการบาดเจ็บหรืออาการป่วยเฉียบพลัน
  3. ความสัมพันธ์และความเข้ากันได้: คนดูแลที่เหมาะสมมักจะสร้างความสัมพันธ์และความเข้ากันได้ดีกับผู้สูงอายุ ซึ่งช่วยให้มีการติดต่อสื่อสารที่ดีและมีความสุขในการดูแล
  4. การให้ความเข้าใจและระเบียบวิธีการดูแลที่เหมาะสม: คนดูแลที่มีประสบการณ์มักจะมีความเข้าใจในวิธีการดูแลผู้สูงอายุที่เหมาะสมและมีการทำงานตามระเบียบเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  5. การช่วยเหลือในกิจวัตรประจำวัน: คนดูแลสามารถช่วยเหลือในกิจวัตรประจำวันของผู้สูงอายุได้ เช่น การช่วยเตียง การช่วยในการอาบน้ำ การช่วยในการเดิน และการช่วยในการรับประทานอาหาร

อย่างไรก็ตาม การจ้างคนดูแลก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงและอาจไม่เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับทุกครอบครัว การคาดเดาความเหมาะสมของคนดูแลเพื่อผู้สูงอายุต้องพิจารณาจากความต้องการและสภาพปัจจุบันของผู้สูงอายุและครอบครัวในแต่ละกรณี












ทำความรู้จักกับ “ไฟเบอร์” ตัวช่วยระบบขับถ่าย

 การทานไฟเบอร์ชนิดนี้จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาท้องผูก หรือผู้ที่ต้องการทำความสะอาดระบบทางเดินอาหาร (Detox) ซึ่งในปัจจุบันหลายคนก็นิยมเรียกไฟเบอร์กลุ่มนี้ว่า “พรีไบโอติก (Prebiotics)” เพราะช่วยส่งเสริมให้แบคทีเรียกลุ่ม “โฮลิสต้า พรีไบโอติก (Probiotics)”

เจริญเติบโตได้ดี โดยไฟเบอร์ชนิดนี้มักจะพบได้ในรำข้าว อ้อย ซีเรียล ขนมปังไม่ขัดสี และผัก

ประโยชน์ของไฟเบอร์

กระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้ขับถ่ายเป็นปกติ

ช่วยเพิ่มมวลอุจจาระ ทำให้อุจจาระนิ่ม ขับถ่ายออกมาได้ง่าย

ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย

อิ่มอยู่ท้องได้นาน เป็นตัวช่วยสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก

ดูดซับสารก่อมะเร็งที่ปนมากับอาหาร และขับถ่ายออกมาพร้อมกับอุจจาระ 

  • ลดการดูดซึมไขมันและคอเลสเตอรอล ป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ลดการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ระดับน้ำในเลือดไม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน

ปริมาณไฟเบอร์ที่ควรได้รับในแต่ละวัน

นักโภชนาการแนะนำว่าการรับประทานไฟเบอร์ให้เพียงพอต่อร่างกายในแต่ละวัน จะอยู่ที่ประมาณ 25-30 กรัม แต่คนส่วนใหญ่มักจะรับประทานไฟเบอร์ได้เพียง 2 ใน 3 ของปริมาณที่แนะนำเท่านั้น แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป เพราะจะส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการท้องอืด หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบการย่อยอาหารได้ค่ะ

 

สรุปได้ว่าไฟเบอร์นั้นเป็นเส้นใยอาหารที่มาจากผักผลไม้ มีคุณสมบติโดดเด่นที่ช่วยกระตุ้นและส่งเสริมให้การทำงานของลำไส้เกิดความสมดุล ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวได้อย่างเป็นปกติและขับถ่ายของเสียออกมาได้ โดยมีทั้งประเภทละลายน้ำได้ และไม่สามารถละลายน้ำได้ ซึ่งทั้งสองประเภทก็จะมีประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป 

 

สำหรับใครที่ไม่มั่นใจว่าจะรับประทานไฟเบอร์ในปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวันได้ เราแนะนำให้มองหาอาหารเสริมไฟเบอร์มารับประทานร่วมด้วยค่ะ



ดูแลผู้สูงอายุ ทำไมจึงควรจ้างดีกว่า

 


การจ้างบุคคลหรือบริการเพื่อดูแลผู้สูงอายุมีความสำคัญอันมากมาย เนื่องจากมีผลต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพของผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือเหตุผลที่ทำให้การจ้างบุคคลหรือบริการดูแลผู้สูงอายุมีความสำคัญ: ดูแลผู้สูงอายุ ตามบ้าน

  1. ความปลอดภัย: การมีบุคคลหรือบริการที่เชี่ยวชาญในการดูแลผู้สูงอายุช่วยให้มั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัยของผู้สูงอายุ โดยพวกเขาสามารถจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินและปัญหาสุขภาพได้อย่างถูกต้อง
  2. คุณภาพของการดูแล: บุคคลที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในการดูแลผู้สูงอายุมักจะมีทักษะในการให้การดูแลที่ดีและเหมาะสมกับความต้องการของผู้สูงอายุ
  3. เพิ่มคุณภาพชีวิต: การมีบุคคลหรือบริการดูแลที่เหมาะสมช่วยให้ผู้สูงอายุมีชีวิตที่มีคุณภาพและสะดวกสบายมากขึ้น พวกเขาสามารถเข้าร่วมกิจกรรมที่สนุกสนานและส่งเสริมสุขภาพได้
  4. การเฝ้าระวังสุขภาพ: บุคคลหรือบริการที่เชี่ยวชาญมักจะมีความสามารถในการตรวจสอบสุขภาพและจัดการกับการรักษาโรคเรื้อรังที่ผู้สูงอายุอาจมี
  5. การส่งเสริมสุขภาพจิต: การมีคนที่ให้การสนับสนุนและความเอาใจใส่ในชีวิตประจำวันช่วยเสริมสร้างสุขภาพจิตและความสุขของผู้สูงอายุ
  6. การลดภาระของครอบครัว: การมีบริการดูแลที่เหมาะสมช่วยลดภาระการดูแลของครอบครัว โดยทำให้สมาชิกในครอบครัวสามารถทำงานและทำกิจกรรมอื่นๆ ได้อย่างมีความสะดวกสบายมากขึ้น

การจ้างบุคคลหรือบริการดูแลผู้สูงอายุที่เชี่ยวชาญมีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อความสุขและความเป็นอิสระของพวกเขาในระยะยาว




การเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ

  การเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเป็นการตัดสินใจที่สำคัญ เนื่องจากมีผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุและครอบครัวโดยตรง ดังนั้น คุณอาจพิจารณาข้อดีต่อ...