ถ้าพูดเรื่องการลงทุน จริง ๆ แล้วมันไม่เคยจำกัดอยู่ที่แค่หุ้น หรือกองทุนเท่านั้นครับ ในโลกนี้มีการลงทุนอีกหลายแขนง หลากหลายรูปแบบ ที่สามารถเพิ่มค่าของเงินในกระเป๋าให้กับคุณได้ หนึ่งในนั้นก็คือ “ของสะสม” ซึ่งพอผมได้ลองศึกษาดูแล้ว พบว่าการลงทุนในของสะสม และการลงทุนในหุ้นนั้น มันมีสิ่งที่เหมือน และต่างกันอย่างน่าประหลาดใจครับ
1. ของสะสม สามารถจับต้องได้ มีตัวตน การลงทุนในของสะสมเหล่านี้จึงแตกต่างจากหุ้นอย่างสิ้นเชิง คือหุ้นและกองทุนนั้น ถือเป็นสินทรัพย์ทางการเงิน ไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้ ซื้อหุ้นไปแล้ว คุณไม่สามารถควักออกจากพอร์ต มานั่งส่อง นั่งพินิจพิเคราะห์ ดูความสวยงามของตัวหุ้นไม่ได้ ประมูล ขายเหรียญธนบัตรและของหายาก
2. ของสะสม มีคุณค่าทางใจ เนื่องจากของสะสมบางชิ้น นอกจากจะมีมูลค่าทางตัวเงินแล้ว อาจมีมูลค่าทางความรู้สึก ทางจิตใจ ไม่ว่าจะด้วยการที่มันอาจเป็นของที่เราได้รับตกถอดมาจากรุ่นเจ้าคุณปู่ หรือจะเป็นงานศิลป์ ที่มีความงดงามวิจิตรในตัว หรืออย่างพระเครื่อง ที่คนไทยเราใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวใจจิต สิ่งเหล่านี้แม้มันอาจไม่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น แต่เราก็อยากจะเก็บรักษามันไว้ ต่างจากหุ้นที่อาจไม่ได้มีคุณค่าทางความรู้สึกเท่าไหร่ ถ้าวันไหนหุ้นที่เคยทำกำไรกลายร่างเป็นดาวร้าย เชื่อว่าทุกคนก็พร้อมขาย โดยที่ไม่มีความรู้สึกผูกพันอะไรกับมันเลย
3. ของสะสม ต้องการการดูแลรักษา รถยนต์บางคันที่มีราคาประมูลกันหลัก “พันล้าน” ก็ยังต้องการการบำรุงรักษาด้วยช่างมืออาชีพอยู่ตลอด ต้องคอยมาหยอดน้ำมัน ทำความสะอาดเครื่องยนต์ ต้องมีเวลาพามันไปขับเล่นบ้าง ทั้งหมดนี้เราเรียกว่า “ค่า Maintenance” แต่หุ้นเหรอ…? ถ้าคุณเลือกหุ้นถูกตัว คุณจะไม่มีรายจ่ายอะไรพวกนี้เลย ตรงกันข้ามคุณจะมีแต่รายรับจากเงินปันผลด้วยซ้ำไป
4. ของสะสม เปลี่ยนมือได้ยากกว่าหุ้น ถ้าคุณเป็นเจ้าของภาพวาดของศิลปินชื่อดัง ภาพบางชิ้นถ้าคุณเอาไปขายให้กับคนที่ดูไม่เป็น เขาอาจจะคิดว่า “นี่มันภาพอะไรกันเนี่ย???” และอาจไม่มีมูลค่าใด ๆ กับคน ๆ นั้นเลย คุณจำเป็นต้องเอาไปขายในกลุ่มที่สนใจเหมือน ๆ กัน ซึ่งแน่นอนว่าจำนวนของกลุ่มนักสะสมต้องเป็นรองจำนวนนักลงทุนในหุ้นอยู่แล้ว และการลงทุนในหุ้น ถ้าเมื่อวานคุณซื้อหุ้นมาตัวนึง แล้วเกิดเปลี่ยนใจ ไม่ชอบธุรกิจ วันนี้คุณก็แค่ไปตั้งขายในกระดานหุ้นตอน 10 โมงก็เท่านั้นเองครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น