การตั้งชื่อร้านที่เหมือนกันหรือคล้ายกัน ทั้งในด้านการเขียนและออกเสียงนั้น จะทำให้ลูกค้าเกิดความเข้าใจผิด และลังเลในการซื้อสินค้าและใช้บริการได้ เพราะนอกจากสร้างความสับสนแล้ว อาจทำให้มีปัญหาตามมาในภายหลัง ดังนั้นในการตั้งชื่อร้าน ควรมีการหาข้อมูลให้ถี่ถ้วนว่าชื่อร้านนี้มีใครใช้แล้วหรือยัง รวมไปถึงชื่อที่จะตั้งร้านนั้น ต้องไม่คล้ายกับชื่อร้านอื่นอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น
- ร้าน SARAA กับ ร้าน SALAA จะเห็นได้ว่าชื่อทั้งสองร้านมีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก และอาจทำให้ลูกค้าสับสนได้
ไม่ควรใช้ชื่อสถานที่มาตั้งชื่อร้าน
การตั้งชื่อร้านตามสถานที่ตั้งนั้น อาจเป็นข้อจำกัดในอนาคตเมื่อเจ้าของธุรกิจคิดจะขยายสาขาเพิ่มเติมไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทำให้การใช้ชื่อร้านตามที่ตั้งทำเลนั้นเป็นปัญหาในอนาคต เพราะลูกค้าอาจจะสับสนได้ว่า สถานที่ตั้งอยู่ที่ใดกันแน่ ยกตัวอย่างเช่น
- ร้านกาแฟ → แม่สะเรียง คอฟฟีช็อป
- ร้านตัดผม → พัทยา บาร์เบอร์
ไม่ควรใช้ชื่อเจ้าของธุรกิจมาตั้งชื่อร้าน
อีกข้อแนะนำที่ไม่ควรนำมาใช้ในการตั้งชื่อร้าน คือชื่อเจ้าของธุรกิจ เนื่องจากการนำชื่อบุคคลมาตั้งร้านนั้น อาจจะเกิดปัญหาในการจดจำของลูกค้า อีกทั้งในบางร้าน อาจจะมีหุ้นส่วนร่วมด้วย ถ้านำชื่อคนใดคนหนึ่งมาตั้งชื่อร้าน อาจเกิดความขัดแย้งได้ รวมไปถึงการใช้ชื่อบุคคล ยังเป็นชื่อที่ไม่สร้างความดึงดูดใจต่อลูกค้าอีกด้วย เช่น
- ร้านขายน้ำหอม → สมฤทัย เพอร์ฟูม
- ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ → พี่ตี๋ ไอที
ตั้งชื่อร้านที่ง่ายต่อการทำโลโก้
โลโก้ร้านที่ดูดีนั้น ส่วนหนึ่งมาจากชื่อร้านที่ดี ซึ่งควรตั้งชื่อให้สะดุดตา มีความยาวพอดี สามารถดึงดูดให้ลูกค้ามาสนใจได้ เนื่องจากโลโก้นั้น ทำหน้าที่เป็นหน้าตาส่วนแรก เช่นเดียวกับชื่อร้าน และควรมีการออกแบบที่เข้ากับชื่อร้านเช่นกัน ดังนั้น ในการตั้งชื่อจึงควรคำนึงถึงการออกแบบโลโก้ว่าสามารถออกแบบได้ง่ายหรือไม่ โดยโลโก้นั้นมักจะอยู่ในส่วนสำคัญต่าง ๆ ของร้าน ยกตัวอย่างเช่น
- ป้ายร้าน
- หน้าปกเพจ / โปรไฟล์เพจ
- สื่อโฆษณาโปรโมทร้าน
- ป้ายเมนู / รายการเมนู / ภาชนะ (ในกรณีที่เป็นร้านอาหาร / เครื่องดื่ม)
- ฯลฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น