กระดาษใบเสร็จใช้กับเครื่องพิมพ์ธรรมดาได้หรือไม่ ?
คำถามโลกแตกของคนที่กำลังสนใจหันมาใช้กระดาษ Thermal Paper เป็นใบเสร็จ และข้อสงสัยที่ว่ากระดาษใบเสร็จสามารถใช้กับเครื่องพิมพ์ธรรมดาได้หรือไม่ คำตอบคือ ‘ไม่แนะนำ’ เพราะกระดาษความร้อนถูกผลิตด้วยสารเคมีที่ทำให้เกิดสี ภาพ และตัวอักษรอยู่หลายชนิด ไม่ว่าจะ Leuco Dyes, Sensitizers, Developers, Stabilizers ทำให้กระดาษชนิดนี้มีลักษณะของพื้นผิวลื่นอันเรียบเนียนยิ่งกว่ากระดาษปอนด์ปกติเสียอีก เพราะฉะนั้นเครื่องพิมพ์ที่ใช้หมึกอย่างเครื่องปริ้นอิงค์เจ็ทหรือเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ก็จะไม่ทำให้หมึกมาติดบนกระดาษได้เท่าไหร่นัก ผลลัพธ์ก็ย่อมออกมาไม่ดีแน่นอน ทำให้เสียทั้งเวลา ทั้งทรัพยากร เป็นการเปลืองแบบไม่จำเป็นจริง ๆ
รวม 5 วิธีเลือกซื้อกระดาษปริ้นใบเสร็จอย่างคุ้มค่า
1. เลือกขนาดม้วนให้เหมาะสม : ขั้นตอนแรกคือทุกคนจำเป็นต้องรู้ก่อนว่ากระดาษปริ้นใบเสร็จมีหลายขนาด ซึ่งจะแบ่งสัดส่วนตามนี้ หน้ากว้างกระดาษ (มม) / เส้นผ่านศูนย์กลางม้วน (มม) / ความหนากระดาษ (แกรม) / ความยาวกระดาษต่อม้วน (เมตร) และขนาดที่ว่านี้ก็มีความเหมาะสมกับเครื่องปริ้นในแบบที่ต่างกัน การเลือกกระดาษที่ถูกต้องนอกจากจะช่วยไม่ให้กระดาษหมดเร็วแล้ว ยังช่วยลดปัญหาสินค้าหมดสต๊อก และปัญหาอื่น ๆ ที่อาจตามมาอีกเยอะแยะ โดยมาตรฐานขนาดของม้วนกระดาษปริ้นจะมีขนาดตามนี้ 80×80, 80×55, 57×50 และ 57×38
2. ความหนาของกระดาษความร้อน : โดยมาตรฐานแล้วน้ำหนักของกระดาษความร้อนจะมีทั้งหมด 2 แบบ คือ 58 แกรม และ 65 แกรม แต่ในยุโรปและอเมริกาส่วนมากจะใช้ 48 แกรม ซึ่งน้ำหนักของกระดาษคือ GSM (Gram Per Square Meter) หากเราตัดกระดาษพิมพ์ใบเสร็จพื้นที่ 1 ตารางเมตร ตัวกระดาษจะมีน้ำหนักประมาณกรัมนั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่น ตัดกระดาษ 76 GSM ก็จะทำให้ 1 ตารางเมตรของกระดาษชนิดนี้หนัก 76 กรัม จะทำให้ความหนาของกระดาษความร้อนเหมาะกับการใช้งานต่างกัน เช่นเดียวกับข้อแรกคือ ต้องเลือกซื้อให้ตรงกับ Thermal Printer ส่วนข้อที่เพิ่มขึ้นมาคือธุรกิจของเราเหมาะกับกระดาษใบเสร็จที่มี GSM เท่าไหร่ ซื้อให้ตรงเพื่อไม่ให้เกิดการ Over Price ซื้อของเกินราคานั่นเอง
3. เลือกที่จะพิมพ์หรือไม่พิมพ์ : รู้หรือไม่ กระดาษใบเสร็จความร้อนจะมีรูปแบบของกระดาษอยู่ 2 แบบ คือ 1.กระดาษแบบม้วนเปล่า 2.กระดาษที่พิมพ์ด้านหลังหรือด้านหน้าของใบเสร็จรับเงิน ไม่ว่าจะโลโก้ คำโฆษณา ข้อความหรือรูปอะไรก็แล้วแต่ และกระดาษอย่างหลังก็มาพร้อมกับต้นทุนในการผลิต แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นการคุ้มค่าในการสร้างแบรนดิ้งหรือโปรโมทโปรโมชั่นบางอย่างเพื่อแลกกับรายได้คืนมา สิ่งนี้ก็เป็นส่วนสำคัญที่ต้องคิดให้ดีว่าคุ้มค่าต่อการลงทุนรึเปล่า
4. สั่งซื้อจำนวนที่ถูกต้อง : เมื่อทำธุรกิจ ‘การคำนวณสต็อก’ เป็นสกิลที่ทุกคนต้องมี ไม่ต่างกันกับการซื้อกระดาษความร้อน หากเราซื้อปลีกบ่อย ๆ ราคาก็คงจะไม่ดีนัก การซื้อแบบส่งจำนวนมาก ๆ เพื่อให้ได้รับส่วนลดพิเศษย่อมดีกว่าแน่นอน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องคำนวณให้สัมพันธ์กับออเดอร์ที่ขายได้ของธุรกิจ ณ ตอนนั้นด้วย เพื่อไม่ให้กระดาษหมดอายุการใช้งานก่อนจะใช้จนหมด
5. พิจารณางบประมาณและเปรียบเทียบราคา : ข้อสุดท้ายคือ การบริหารต้นทุนที่เรามีด้วยการรีเสิร์ชราคากลางของตลาดผ่านการเปรียบเทียบราคาของผู้ผลิตหลาย ๆ เจ้า เพื่อให้สามารถตัดสินใจซื้อกระดาษความร้อนที่ราคาและคุณภาพเหมาะสมกับต้นทุนของเรามากที่สุด เคล็ดลับสำคัญคือ อย่าพยายามประหยัดโดยไม่จำเป็นเพื่อกำไรระยะสั้น เมื่อเราใช้ของคุณภาพต่ำบ่อย ๆ เข้า ก็จะเกิดผลเสียต่อกำไรระยะยาวเพราะลูกค้าไม่เข้ามาใช้บริการอีกแล้ว และหากเราใช้กระดาษความร้อนที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็อาจส่งผลต่อเครื่อง Thermal Printer ทำให้หัวพิมพ์ของเครื่องเสียหายได้อีกต่างหาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น