วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2567

เทคนิคการเสริมจมูก มีกี่เทคนิค เหมาะกับใคร

 


ปัจจุบันเทคนิคการเสริมจมูกที่แพทย์นิยมใช้มีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบ ได้แก่ เทคนิค การเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) และเทคนิคการเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) ซึ่งแต่ละเทคนิคมีรายละเอียดข้อดี ข้อเสีย และช่วยแก้ไขปัญหาทรงจมูกที่แตก ต่างกัน ดังนี้

เทคนิคการเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) เป็นเทคนิคการเสริมจมูกด้วย การผ่าตัดเปิดแผลขนาดเล็กที่ด้านในของรูจมูกข้างใดข้างหนึ่ง ขึ้นอยู่กับเทคนิคการผ่าตัดของแพทย์แต่ละท่าน จากนั้นจึงทําการสอดแท่งซิลิโคนที่เหลา ปรับขนาดเฉพาะบุคคลไปตามแนวสันจมูก โดยวางให้แนบกับฐานจมูกมากที่สุด ส่วนมากนิยมใช้เทคนิคอื่น ๆ ร่วมด้วยเพื่อปรับช่วงปลายจมูกให้เรียวสวย ลดโอกาสปลายจมูกทะลุ เช่น การเย็บอินเตอร์โดม การรองปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลัง ใบหู กระดูกอ่อนซี่โครง กระดูกก้นกบ หรือเนื้อเยื่อเทียม การเสริมจมูกแบบปิดเป็นเทคนิคที่เหมาะกับคนไข้ที่โครงสร้างฐานจมูกดีอยู่แล้ว จมูกไม่สั้น เนื้อปลายจมูกไม่น้อยจนเกินไป และต้องการปรับช่วงสันจมูกให้ชัดขึ้น เสริมปลายจมูก ให้เรียวยาวมากขึ้นอีกเล็กน้อย

เทคนิคการเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) เป็นการศัลยกรรมจมูกที่แพทย์ จะทําการผ่าตัดเปิดแผลภายในรูจมูกทั้ง 2 ข้างและที่บริเวณใต้ฐานจมูกด้านนอกและกรีฑ แผลเป็นแนวดิ่งจนเห็นแกนจมูก เพื่อเปิดผิวหนังออกจากโครงสร้างจมูกทําให้แพทย์มองเห็นโครงสร้างของกระดูกอ่อนและแนวสันจมูกได้อย่างชัดเจน สามารถเลือกใช้เทคนิคที่ ช่วยแก้ไขและปรับโครงสร้างภายในจมูกได้อย่างครอบคลุม เช่น การตอกฐาน จมูกในเคสที่มีฐานจมูกใหญ่และกว้างมาก การตกแต่งแก้ไขผนังกั้นจมูก การยึดผนังกั้นจมูก การตะไบฮัมพ์เพื่อลดปุ่มกระดูกช่วงสันจมูก ฯลฯ เทคนิคการเสริมจมูกแบบเปิดเหมาะกับคนไข้ที่ต้องการปรับแต่งโครงสร้างจมูกให้ต่างไปจากเดิมอย่างชัดเจน มีปัญหาจมูกให้ต้องจัดการค่อนข้างมาก จมูกสั้น เนื้อจมูกบาง ปลายจมูกงุ้ม สันจมูกคดหรือ โก่งงอ ข้อควรระวังสําหรับการเสริมจมูกด้วยเทคนิคแบบเปิด คือ เป็นเทคนิคที่มีความซับซ้อนใช้เวลาในการผ่าตัดนานหลายชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับปัญหาในแต่ละเคส) และต้องใช้ การดมยาสลบ แพทย์ผู้ทําการผ่าตัดจะต้องมีความชํานาญ มีประสบการณ์สูงและมีวิสัญญีแพทย์ดูแลตลอดทุกขั้นตอนของการผ่าตัด

ศัลยกรรมเสริมจมูก เลือกเทคนิคไหนดี? การตัดสินใจว่าควรเลือกใช้เทคนิคการเสริมจมูก แบบใดนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งลักษณะโครงสร้างฐานจมูกเดิมของคนไข้ หรือความซับซ้อนของปัญหาที่แพทย์ต้องแก้ไข ทรงจมูกใหม่ที่ต้องการ รวมไปจนถึงระยะเวลาที่ ใช้สําหรับการพักฟื้นและงบประมาณในการศัลยกรรมเสริมจมูกของคนไข้แต่ละบุคคล ดังนั้นก่อนตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูกจึงควรเข้าพบแพทย์เพื่อขอรับคําแนะนําและ วางแผนการศัลยกรรมเสริมจมูกที่เหมาะสมตอบโจทย์ความต้องการได้มากที่สุด

ซิลิโคนเสริมจมูก มีกี่แบบ?

ปัจจุบันซิลิโคนจมูกที่ใช้ร่วมกับการศัลยกรรมเสริมจมูกมีอยู่ 2 แบบหลัก ๆ ได้แก่


ซิลิโคนจมูกแบบสําเร็จรูป เป็นซิลิโคนที่ถูกออกแบบและกําหนดรูปทรงไวอย่างแน่นอน สะดวกต่อการใช้งานและมีให้เลือกใช้หลายไซซ์ หลายทรง เช่น ซิลิโคนจมูกทรงแมนทิส ทรงบาร์บี้ ซิลิโคนบราว ฯลฯ ข้อดีของซิลิโคนจมูกแบบสําเร็จรูปคือมีรูปทรงที่อยู่ตัว แน่นอนมากกว่า แพทย์สามารถเหลาปรับขนาดซิลิโคนได้ตามความเหมาะสมช่วยลดโอกาสที่จะเกิดการเบี้ยวหรือเอียง

ซิลิโคนจมูกแบบเหลาหรือซิลิโคนจมูกแบบแท่ง เป็นซิลิโคนที่มีลักษณะเป็นแท่งสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ซึ่งแพทย์จะต้องออกแบบและเหล่าขึ้นรูปซิลิโคนเองทั้งหมด การ เลือกใช้ซิลิโคนจมูกแบบแท่งจึงต้องอาศัยความชํานาญและประสบการณ์ของแพทย์ผู้ ทําการรักษาเป็นอย่างมาก ข้อดีของซิลิโคนจมูกชนิดนี้คือ สามารถออกแบบทรงจมูกที่ เข้ากับใบหน้าของคนไข้แต่ละเคสได้เป็นอย่างดี ซิลิโคนยึดกับฐานจมูกได้อย่างแนบ สนิทเพราะมีการเหลาปรับแต่งซิลิโคนแบบจุดต่อจุด

นอกจากนี้ ซิลิโคนเสริมจมูกยังมีให้เลือกใช้หลายเกรด (Grade) จากหลายประเทศ ทั้งซิลิโคนอเมริกา (USA Silicone) ที่ขึ้นชื่อเรื่องความบริสุทธิ์ ปลอดภัย เนื้อซิลิโคนยืดหยุ่นมาก ที่สุดและสามารถล็อกเข้ากับฐานจมูกได้ดี ซิลิโคนจมูกเกาหลี (Korea Silicone) ที่ช่วงโคน และปลายจมูกนิ่มมากและมีค่าความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการเสริมจมูกทรงสโลปปลายพุ่ง ช่วง ปลายจมูกนิ่มบิดได้ ซิลิโคนจมูกญี่ปุ่น (Japan Silicone) ซิลิโคนจะมีสีเหลืองมากกว่าเกรดอื่น ๆ เนื้อซิลิโคนแข็งปานกลางและยืดหยุ่นน้อยกว่าซิลิโคนเกาหลี




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

What Material Is Used to Make Paper?

  What is Paper Made of? Have you ever wondered what paper is made of? You’ll be surprised to learn that certain sheets of paper have had mo...