วันเสาร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2568

อาการของออฟฟิศซินโดรมมีอะไรบ้าง?

 


หากคุณทำงานประจำที่ออฟฟิศ เชื่อว่าพอทำงานมาถึงจุดหนึ่ง อาจต้องประสบกับปัญหาของการเป็นออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ไปตาม ๆ กัน ที่น่ากลัวก็คือ เกิดขึ้นในผู้คนหลายวัย ไม่ใช่แค่คนที่มีอายุมากเท่านั้น หากคุณคือหนึ่งในนั้น บทความนี้เราอยากชวนผู้อ่านมาทำความรู้จักให้มากขึ้นว่าจริง ๆ แล้วออฟฟิศซินโดรมคืออะไร และมีวิธีป้องกันและแก้ไขได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้ผู้อ่านได้รู้ถึงที่มา ป้องกันและรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง

คลินิกกายภาพ การทำงานในออฟฟิศ ผู้คนมักจะต้องนั่งท่าเดิมเป็นเวลานานหลายชั่วโมงติดกัน และต้องนั่งอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็ทำกัน ไม่น่าจะเป็นอันตรายได้ แต่จริง ๆ แล้ว หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ไลฟ์สไตล์เช่นนี้อาจส่งผลเสียขั้นรุนแรงสำหรับกล้ามเนื้อหรือกระดูกสันหลังของคุณได้เลยทีเดียว จากผลสำรวจของ กรมอนามัย พบว่าคนไทย 60% เคยมีอาการของออฟฟิศซินโดรมมาก่อน 



ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) คืออะไร?

ออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) คือโรคชนิดหนึ่งที่มีสาเหตุมาจากรูปแบบของการทำงานที่มีการใช้กล้ามเนื้อเดิมซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน จนทำให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังที่บริเวณคอ บ่า ไหล่ เอว และข้อมือ จนมีอาการอักเสบของกล้ามเนื้อ หรืออาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นมีอาการชาที่บริเวณมือหรือแขน โดยสาเหตุของการเกิดอาการเช่นนี้ก็คือการนั่งหลังค่อม นั่งท่าเดิมเป็นเวลานาน 

เช่นการนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานติดต่อกัน 6 ชั่วโมง โดยที่ไม่มีการเคลื่อนไหวที่เพียงพอ ซึ่งบางคนอาจมีอาการหนักถึงขั้นหมอนรองกระดูกเคลื่อนได้ ข้อมือที่ถูกกดหรือบิดเอียงไปจากแนวธรรมชาติจากการพิมพ์งานหรือใช้คีย์บอร์ดนาน ๆ

และนอกจากท่านั่งแล้ว ความเครียดที่เกิดจากการทำงานและสภาพแวดล้อมของการทำงานที่ไม่เหมาะสมก็เป็นหนึ่งในปัจจัยเสริมด้วย โดยอาการออฟฟิศซินโดรมมักเกิดขึ้นกับกลุ่มของพนักงานบริษัทที่มีพฤติกรรมเสี่ยงในการทำงาน หรือประกอบกับปัญหาด้านกระดูกและกล้ามเนื้อที่มีอยู่เดิมด้วย

อาการของออฟฟิศซินโดรมมีอะไรบ้าง?

- มีอาการเจ็บ ปวด หรือตึงกล้ามเนื้อตามร่างกายแบบเฉพาะส่วนเป็นวงกว้าง เช่นบริเวณ คอ บ่า ไหล่ สะบัก และเอว เป็นต้น โดยความรุนแรงก็มีระดับที่แตกต่างกันออกไป ตั้งแต่ปวดเพียงเล็กน้อย หรือปวดแบบทรมานมาก

- หรือรู้สึกมึนงง วูบ หรือเหงื่อออก

- บางรายอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นยกแขนไม่ขึ้น มือหรือแขนเกิดอาการชา

- มีอาการปวดศรีษะร่วม ซึ่งมักเกินจากอาการเครียดสะสม หรือเดินทางบ่อยจนเกินไป เป็นต้น

- มีอาการตาพร่ามัว ปวดตา จากการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน

- มีอาการเหนื่อยล้าหรืออยู่ในภาวะซึมเศร้าจากภาวะการทำงานที่กดดันหรือทำงานหนักเกินไป

อาการของออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับด้วยกัน โดยเริ่มแรกอาจมีอาการปวดบริเวณกล้ามเนื้อที่ถูกใช้งานเป็นประจำเป็นเวลา 3-4 ชั่วโมงแล้วหายไป ตามมาด้วยระดับ

ระดับที่ 2 ที่มักมีอาการปวดเมื่อย อ่อนล้า หลังจากที่ทำงานไปเพียงประมาณ 1-2 ชั่วโมง และไม่หายไป และเริ่มส่งผลต่อการนอนหลับของผู้ป่วย ส่วนระดับที่ 3 คือผู้ป่วยมีอาการเจ็บปวด เจ็บ ชา หรืออ่อนแรงที่มากขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นแทบจะตลอดเวลา


สาเหตุของการเกิดอาการออฟฟิศซินโดรม

- การใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมที่มากเกินไป ติดต่อเป็นเวลานาน 6 ชั่วโมง จนเป็นสาเหตุให้เกิดอาการกล้ามเนื้อบาดเจ็บเฉียบพลัน

- การทำงานติดต่อกันเป็นเวลานานเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการเกร็งตัว เลือดไม่ไหลเวียน 

- ที่ทำงานไม่มีแสงสว่างที่เพียงพอสำหรับการทำงาน มีเสียงดังรบกวน รวมไปถึงอุณหภูมิและอุปกรณ์เช่นเก้าอี้หรือโต๊ะสำหรับทำงานที่ไม่เหมาะสม

การป้องกันอาการออฟฟิศซินโดรม

การป้องกันอาการของออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) นั้นเริ่มจากพฤติกรรมของตัวคุณเอง เริ่มตั้งแต่การปรับท่านั่งให้เหมาะสม ไม่นั่งไหล่ห่อ หลังงอ และนั่งท่าเดิมติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยให้นั่งตัวตรง ไม่ปล่อยให้นั่งตามสบายจนเกินไป เพราะจะส่งผลเสียต่อกระดูกสันหลังได้ในระยะยาว การมีแสงที่เพียงพอสำหรับการทำงาน จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมสำหรับการทำงาน 

การใช้เก้าอี้สุขภาพสำหรับนั่งทำงาน มีหมอนไว้สำหรับรองหลังและรองคอ เจลสำหรับรองข้อมือ และที่สำคัญก็คือให้ตัวเองได้พักจากการนั่งทำงานในทุก ๆ 30 - 45 นาทีด้วยการลุกขึ้นยืน ขยับร่างกาย ยืดกล้ามเนื้อ เดิน เป็นต้น ประกอบกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งพยายามลดความเครียดที่เกิดขึ้นจากการทำงานด้วย




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

What Material Is Used to Make Paper?

  What is Paper Made of? Have you ever wondered what paper is made of? You’ll be surprised to learn that certain sheets of paper have had mo...